สิทธิเด็ก

เด็กๆ ทุกคนได้รับการคุ้มครองสิทธินับแต่เกิดมา คือเมื่อถือกำเนิดมาจะอยู่ภายใต้ข้อตกลงสากลที่รู้จักว่า อนุสัญญา (อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ เป็นอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ได้รับการรับรองมากที่สุดในโลก กว่า 196 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ลงนามและให้การรับรองสิทธิดังกล่าว โดยได้ลงนามตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2535) ว่าด้วยสิทธิของเด็ก เป็นข้อตกลงที่ให้การยอมรับมีผลบังคับใช้  หรือให้ถือเป็นกฏหมายที่จะต้องคุ้มครองเด็ก เพราะสิทธิเด็กนับเป็นสิทธิติดตัว เป็นสิทธิโดยสมบูรณ์ที่ไม่อาจถูกละเมิดได้ เพื่อให้การช่วยเหลือ คุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนาเด็กสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น การสร้างระบบคุ้มครอง ช่วยเหลือเด็กในโรงเรียน (Child Safeguard) จึงเป็นความสำคัญที่จะช่วยให้เด็กๆปลอดภัยจากการถูกกระทำและถูกละเมิดในรูปแบบต่างๆ  ดังนั้นสิทธิเด็กนั้นเป็นสิทธิของเด็กทุกคนที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด จึงไม่มีผู้ใดสามารถไปตัดทอนหรือจำกัดการใช้สิทธิอันชอบธรรมของเด็กหรือละเมิดสิทธิของเด็กได้ ดังนั้น ในฐานะ “ครู” จึงควรตระหนักถึง “สิทธิเด็ก” เป็นสำคัญ โดยมีเป้าหมาย เพื่อที่จะส่งเสริมและคุ้มครองเด็กทุกคน

สิทธิเด็กมุ่งให้การคุ้มครองเด็ก 4 ประการ (“เด็ก”หมายถึงมนุษย์ทุกคนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เว้นแต่จะบรรลุนิติภาวะตามที่กฏหมายบังคับ)

1. สิทธิในการอยู่รอด คือสิทธิในการอยู่รอดปลอดภัยตั้งแต่เมื่อคลอด  มีปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเกิดมาปกติ หรือเกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม รวมถึงสิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม ทั้งด้านการสาธารณสุข โภชนาการ และความเป็นอยู่ที่ได้มาตรฐาน

2. สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง คือสิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากการล่วงละเมิดและการทารุณกรรมทุกรูปแบบ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ การใช้สารเสพติด และการค้ามนุษย์ เด็กต้องได้รับการคุ้มครองตามกฏหมาย

3. สิทธิในการการพัฒนา คือสิทธิที่จะได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษาตามมาตรฐานทุกรูปแบบ การส่งเสริมเสริมพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงโอกาสในการเติบโตอย่างสามารถพึ่งพาตนเองได้

4. สิทธิในการมีส่วนร่วม คือสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี การได้รับข้อมูลข่าวสาร การแสดงออกทั้งในด้านความคิดและการกระทำ รวมถึงการตัดสินใจที่มีผลกระทบต่ออนาคตของตนเอง

มุมมองของอนุสัญญา “สิทธิเด็ก” เพื่อให้การดำเนินการต่างๆที่เกี่ยวกับเด็กต้องคิดถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ มี 4 ข้อดังนี้ 

  1. เด็กเป็นมนุษย์
  2. เด็กมิได้เป็นสมบัติของพ่อแม่
  3. เด็กมีสิทธิเป็นของตนเอง
  4. เด็กมิได้เป็นวัตถุทางการกุศล

ประเภทของการละเมิดสิทธิเด็ก แบ่งเป็น 4 ประเภทคือ  

  1. การละเมิดทางด้านร่างกาย (Physical Abuse) หมายถึง การทำร้ายร่างกายทุกกรณีกับเด็ก 
  2. การละเมิดทางเพศ (Sexual Abuse) หมายถึง การกระทำที่ไม่เหมาะสมทางเพศกับเด็ก 
  3. การละเมิดทางด้านวาจาและอารมณ์ (Verbal and Emotional Abuse) หมายถึง การใช้คำพูดถ้อยคำดูหมิ่นเหยียดหยาม 
  4. การละเมิดปล่อยปละละเลย / เพิกเฉย (Neglect) หมายถึง การที่ผู้ปกครองของเด็กหรือผู้ดูแลเด็กไม่สนใจหรือไม่กระทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่จัดหาและสนับสนุนสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานให้กับเด็ก 

ปัจจุบันสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก  มีเด็ก 1,700 ล้านคนเคยตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง และเด็กไทยกว่า 56 % เคยถูกทำโทษด้วยการทำร้ายร่างกายและการล่วงละเมิดทางเพศ พื้นที่ที่มีการทำความรุนแรงของเด็กส่วนใหญ่ 68% อยู่ในภาคเหนือ และ 64% อยู่ในภาคใต้  ดังนั้นอัตราเฉลี่ยของประเทศ 58%อบรมสั่งสอนบุตรหลานของตนเองโดยใช้ความรุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ ตรงตามสุภาษิตไทยที่ว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” และประเทศไทยมีสถิติเด็กหาย พบว่าในแต่ละวันจะมีคนหายมากกว่า 3 คน ซึ่ง 2 คนนั้นจะเป็นเด็ก โดยในแต่ละปีจะมีเด็กหายประมาณ 300-500 คน ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุการณ์เด็กหายมากที่สุดคือ กรุงเทพ/นครราชสีมา/ชลบุรี ตามลำดับ

ดังนั้นครูต้องสอนให้เด็กรู้จักเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ เพราะการเอาตัวรอดเก่ง  คือทักษะที่เด็กยุคใหม่ควรมี เพราะสังคมที่เปลี่ยนไป อันตรายใกล้ตัวเด็กมีหลากหลาย ฉะนั้นจึงต้องมีความจำเป็นต้องเสริมเกราะป้องกันภัยของเด็กด้วยทักษะความฉลาดในการแก้ปัญหาให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น ประเมินสถานการณ์ และเอาตัวรอดจากสิ่งอันตรายรอบตัวได้ เพราะความฉลาดในการเอาตัวรอดจะเป็นส่วนที่สำคัญที่ผลักดันให้เด็กไม่ตกอยู่ในอันตราย ส่งผล เมื่อเด็กโตขึ้นจะสามารถควบคุมสถานการณ์และแก้ไขทุกปัญหาในชีวิตด้วยตัวเอง และอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

เห็นได้ว่า การรับรู้และเข้าใจเรื่องสิทธิเด็ก จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรนิ่งเฉย แต่ผู้ใหญ่ทุกคนควรหันมาตระหนัก และให้ความสำคัญอย่างจริงจังโดยเฉพาะครูผู้สอนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อพัฒนาให้เด็ก ๆ มีความสุขทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ และได้รับความปลอดภัยในชีวิตนั่นเอง สามารถรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/groups/541874742829976 

Related Posts

วิธีการเลือกซื้อยาสีฟันเด็ก
เตรียมเลือกยาสีฟันให้ลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ดี? หนึ่งในคำถามยอดนิยมสำหรับใครหลายคนก็คงไม่พ้นเรื่องนี้แน่นอน เราขอบอกตรงนี้เลยว่า คุณสามารถทำความสะอาดฟันให้ลูกน้อยได้ตั้งแต่ฟันซี่แรกงอกขึ้นมาในช่วงอายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยนำผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นมาเช็ดทำความสะอาดฟัน เหงือก ลิ้น และเพดานลิ้น หลังจากฟันซี่แรกขึ้นแล้วฟันซี่อื่นจะทยอยขึ้นตามกันมาเรื่อยๆ...
Read more
ปวดฟัน
ทำความรู้จักฟันของเรา อาการปวดฟันเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งเมื่อเกิดอาการปวด หรือเสียวฟันมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ก็ควรมาพบทันตแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาก่อนที่อาการจะลุกลามมากขึ้น ส่วนประกอบของฟัน มีอะไรบ้าง? ฟันของเรา ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรก คือ...
Read more
หนังน่าดู กับเรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นกำลังจะโตเป็นสาว แอนิเมชั่นที่แฝงไปด้วยแง่คิดดีๆ
บอกเลยว่า มันเกินคาดมากๆ สนุก และดี กว่าที่คิดไว้ ถึงจะไม่ได้ว้าว หรือดีเยี่ยม แต่ก็ถือว่าจัดอยู่ในเกณฑ์ดีเลย Disney และPixar ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ ชอบประเด็นของครอบครัว...
Read more
หน้าสวยฟันขาว
วิธีการปรับปรุงสุขภาพเหงือก
เราสามารถป้องกันโรคเหงือกหรือโรคเหงือกอักเสบได้ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และแน่นอนว่าขั้นตอนเหล่านี้ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันฟันผุ ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ในภายหลัง สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อคุณแปรงฟันมีดังนี้: ทำความสะอาดซอกฟัน ใช้ไหมขัดฟันหรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดซอกฟันเพื่อขจัดคราบพลัคทั้งจากซอกฟันและใต้เหงือกระหว่างฟัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากคราบพลัคที่ลืมหรือมองข้ามอาจแข็งตัวเป็นหินปูนและเริ่มก่อให้เกิดปัญหาได้ แปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์ที่ขจัดคราบพลัค หากคุณใช้แปรงสีฟันแบบใช้แบตเตอรี่หรือแบบไฟฟ้า...
Read more
Translate »