ฟันเหลือง
ปัญหาฟันเหลือง เป็นปัญหาที่ทำให้หลายๆ คนหนักอกหนักใจเป็นอย่างมาก เพราะการที่มีรอยยิ้มที่สดใส ฟันมีสีขาวดูสะอาด นับเป็นบุคลิกภาพที่ดี นอกจากหน้าตา ผิวพรรณ และรูปร่าง สิ่งเหล่านี้เป็นการช่วยเสริมสร้างความมั่นใจอย่างหนึ่ง ปัญหาสีฟันเหลืองอาจมาจากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ โดยต้องหาสาเหตุก่อนว่าที่แท้จริงแล้วปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นมาจากอะไร
คราบเหลืองที่ฟัน คือ แผ่นคราบจุลินทรีย์ (Bacterial plaque) มีสีขาวขุ่น และนิ่ม ประกอบไปด้วยเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ติดอยู่บนฟัน เมื่อมีธาตุแคลเซียมจากน้ำลายเข้าไปตกตะกอน คราบจุลินทรีย์จะเกิดการแข็งตัวจนกลายเป็นคราบหินปูนนั่นเอง
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังกังวลกับปัญหาลูกน้อยฟันเหลืองและจะทำอย่างไรให้ป้องกันฟันน้ำนมเหลืองได้ สำหรับพ่อแม่ที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ คุณมาถูกที่แล้ว! ในบทความนี้ เราจะแนะนำวิธีการดูแลช่องปากของลูกที่ง่าย ๆ และทำที่บ้านได้ เพื่อป้องกันฟันน้ำนมเหลืองให้ลูกเราอย่างดี พร้อมมีฟันที่แข็งแรง ห่างไกลฟันผุ
สาเหตุที่ทำให้ฟันน้ำนมเหลือง เกิดจากอะไร
- เกิดจากพันธุกรรม ไม่ว่าจะเป็นจากรุ่นพ่อแม่ หรือรุ่นปู่ย่าตายายที่มีฟันเหลืองมาก่อน
- ปัญหาฟัน เช่น ฟันผุที่เกิดจากการปล่อยให้ลูกหลับคาขวดนม หรือเนื้อฟันตาย
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด ทำลายเคลือบฟัน เช่น น้ำอัดลม น้ำมะนาว หรือเครื่องดื่มที่มีสีเข้มติดฟัน เช่น ชา กาแฟ
- การปล่อยให้ลูกรับประทานขนมหรืออาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป เช่น ลูกอม ขนมขบเคี้ยว
- เด็กป่วยเป็นโรคบางอย่างที่ติดเชื้อรุนแรงจนมีคราบเกาะติดฟัน เช่น โรคหัวใจ โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน
- การรับประทานยาหรือวิตามินที่มีผลต่อสีฟัน เช่น ธาตุเหล็ก
- การได้รับฟลูออไรด์เกินขนาด ทั้งในรูปแบบของยาและน้ำดื่ม
- การทำความสะอาดช่องปากไม่เพียงพอ
แนะนำวิธีการทำความสะอาดฟันให้ลูก
- เมื่อฟันน้ำนมเริ่มขึ้นจนอายุ 3 ขวบ พ่อแม่ควรแปรงฟันให้ลูกโดยใส่ยาสีฟันแค่พอเปียกขนแปรงท่านั้น และเช็ดฟองยาสีฟันออกหลังแปรงฟันด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด
- เมื่ออายุ 3-6 ขวบ ใส่ยาสีฟันเท่าเมล็ดถั่วเขียว ให้ลูกแปรงฟันด้วยตนเองก่อน และพ่อแม่ช่วยแปรงฟันซ้ำอีกครั้ง
- การเลือกแปรงสีฟันควรเลือกให้เหมาะสมในแต่ละวัย และให้เหมาะกับขนาดปากและฟันของลูก ขนต้องนุ่ม ที่จับต้องถนัดกับมือเด็กจะทำให้จับได้ถนัดมือ
- เลือกยาสีฟันที่มีกลิ่นและรสผลไม้ที่เด็กๆ มักจะชอบ และควรเลือกยาสีฟันที่มีไซลิทอล หรือสารให้ความหวานจากธรรมชาติคุณภาพสูงที่ไม่ก่อให้เกิดฟันผุ
- เลือกยาสีฟันที่ไม่มีสารโซเดียม ลอรีล ซัลเฟต หรือ SLS เพื่อความปลอดภัยของลูกเรา
- การเลือกยาสีฟัน ควรเลือกยาสีฟันสูตรปราศจากฟลูออไรด์ เพื่อป้องกันการเผลอกลืนยาสีฟันโดยไม่ตั้งใจ โดยยาสีฟันที่ไม่มีฟลูออไรด์ในบางชนิดจะทดแทนด้วยแคลเซียม และฟอสเฟต ซึ่งจะช่วยป้องกันฟันผุอย่างได้ผลเช่นเดียวกัน
- ควรใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน เพื่อช่วยลดคราบอาหารที่ติดฟันและทำให้พลูออไรด์ในยาสีฟันเข้าสู่ผิวฟันได้ดีขึ้น
- ควรพาเด็กพบทันตแพทย์เมื่ออายุ 2-3 ปี และนัดตรวจฟันทุก 6 เดือน
การป้องกันไม่ให้ฟันน้ำนมเหลือง
- ในช่วงแรกเกิด : ช่วงแรกเกิดที่ลูกยังฟันไม่ขึ้น สามารถทำความสะอาดได้โดยใช้ผ้าสะอาดนุ่มๆ เช็ดทำความสะอาดเหงือกลูกเบาๆ หลังดูดนมเสร็จ เช็ดบริเวณกระพุ้งแก้มและลิ้นด้วย
- ช่วงอายุ 6 เดือน : ควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและให้เคลือบฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ หรือเมื่อฟันน้ำนมขึ้นแล้ว ควรใช้นิ้วพันผ้าถูทำความสะอาดที่บริเวณฟันของลูกให้สะอาดเช่นเดียวกับการทำความสะอาดเหงือก ในช่วงนี้ฟันของลูกยังเล็กอยู่ ทำให้การแปรงฟันโดยใช้แปรงสีฟันไม่สะดวกเมื่อเทียบกับการใช้ผ้าพันนิ้วของคุณแม่
- ช่วงอายุ 1-3 ปี : ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟันของลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น และสามารถเริ่มใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็กได้แล้ว คุณแม่ควรเริ่มสอนลูกแปรงฟัน โดยลองแปรงฟันให้ลูกก่อน และฝึกให้ลูกรู้จักการบ้วนน้ำก่อนที่จะให้ลูกแปรงฟันด้วยตัวเอง เพราะหากลูกเผลอกลืนยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เข้าไปก็อาจส่งผลเสียกับฟันของลูกได้
- ช่วงอายุเด็ก 3-4 ปี : ลูกเริ่มแปรงฟันเองได้แล้ว แต่ก็คงต้องคอยตรวจเช็คความสะอาดหลังแปรงฟันทุกครั้ง นอกจากนี้ควรพาลูกไปพบหมอฟันเป็นประจำเพื่อเช็คสุขภาพปากและฟัน รวมถึงรับคำแนะนำในการดูแล เพราะเด็กวัยนี้ชอบกินขนมขบเคี้ยว หรือบางกิจกรรมอาจทำให้มีปัญหาฟันได้ เช่น การว่ายน้ำ เป็นต้น
- ช่วงอายุเด็ก 6-12 ปีขึ้นไป : เป็นช่วงที่ฟันแท้เริ่มขึ้นมาทดแทนแล้ว ทำให้ฟันน้ำนมจะเริ่มโยกและหลุดไปเอง แต่หากฟันแท้ขึ้นมาแล้ว แต่ฟันน้ำนมยังไม่ยอมหลุดนานเกิน 3 เดือน ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา หรือถอนฟันน้ำนมออกเพื่อฟันแท้จะได้ขึ้นได้อย่างเป็นระเบียบ
พ่อแม่คือต้นแบบที่ดีต่อสุขภาพปากและช่องฟันของลูกๆ ทั้งในเรื่องนิสัยการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันร่วมกับลูก ๆ ซึ่งได้เรียนรู้จากการสังเกตพฤติกรรมที่ดีเหล่านี้และทำตามอย่างว่าง่าย ดังนั้นการเป็นตัวอย่างที่ดีจะส่งผลต่อการสร้างลักษณะนิสัยที่ดี เพื่อสุขภาพช่องปากโดยรวมที่แข็งแรงจนถึงคุณภาพชีวิตที่สดใสต่อไปในอนาคตของลูก ๆ
สาเหตุของฟันเหลือง เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- สุขอนามัยช่องปากที่ไม่ดี ผิวฟันของเราจะถูกเคลือบด้วยชั้นบาง ๆ โปร่งแสงสีขาว ซึ่งจะช่วยปกปิดชั้นเนื้อฟันที่มีสีเหลืองเอาไว้ แต่เมื่อไหร่ที่สุขภาพช่องปากไม่ดี ผิวฟันจะเริ่มผุกร่อน สีเหลืองของเนื้อฟันก็จะปรากฏออกมาให้เห็น
- อาหารและเครื่องดื่มสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง โซดา ช็อกโกแลต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือผักผลไม้สีเข้ม อย่าง เบอร์รี่ เพราะการสะสมของคราบสีจากอาหาร และเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้ฟันเหลือง นอกจากนั้นเครื่องดื่มที่เป็นกรด อย่าง มะนาว โซดา ยังสามารถกัดกร่อนเคลือบฟันของเราได้
- การสูบบุหรี่ นับเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของฟันเหลือง เนื่องจากในบุหรี่มีสารเคมี อย่างกำมะถัน และการเผาไหม้ ทำให้ยิ่งสูบบุหรี่มากเท่าไหร่ สารเคมีกำมะถัน ทาร์ จะยิ่งสะสมบนผิวฟัน และแทรกซึมเข้าไปในเนื้อฟันมาก จนเกิดเป็นคราบที่ทำให้ฟันเหลือง ซึ่งการมีคราบในปริมาณมาก การจะเอาออกก็เป็นเรื่องยากมากอีกเช่นกัน
- โรคและการใช้ยา การเจ็บป่วยหรือยาบางอย่างที่ใช้เป็นสาเหตุของฟันเหลืองได้เช่นกัน เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี ส่วนยารักษาโรคที่มีผลให้ฟันเหลืองก็เช่น ยารักษาโรคหอบหืด ยาโรคความดันโลหิตสูง
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเคลือบฟันจะเริ่มบางลง เป็นผลให้ฟันเหลืองได้
สีฟันที่เปลี่ยน มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
- ฟันสีน้ำตาล เกิดจากสารนิโคตินทำปฏิกิริยากับฟัน ซึ่งมักเกิดกับผู้ที่สูบบุหรี่มานาน จนฟันเหลืองแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลช้าๆ แล้วฝังอยู่ในเนื้อฟัน
- ฟันสีคล้ำ เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นใช้งานฟันมานานกับการกิน ดื่ม การใช้ชีวิตประจำวัน การนอนกัดฟันก็ทำให้สารเคลือบฟันกร่อนส่งผลให้ฟันมีสีคล้ำได้ รวมถึงการใช้ยาที่มีสารเตตร้าไซคลิน
- ฟันดำ เกิดจากฟันผุ การอุดฟันด้วย silver sulfide รวมถึงการกินอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็ก
- ฟันตกกระ เกิดจากการบริโภคฟลูออไรด์มากเกินไป
-
จัดฟันศรีราชา